ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำของบี.เอฟ.สกินเนอร์
บี.เอฟ.สกินเนอร์
“ ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำ ”
ประวัติ บี.เอฟ.สกินเนอร์
“ สกินเนอร์ Skinnor
”
- เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.1940 ที่ มลรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา
-จบปริญญาตรี ทางวรรณคดี ในอังกฤษ
-เข้าศึกษาต่อสาขาจิตวิทยา ระดับปริญญาโทและเอก ณ มหาวิทยาลัย ฮาร์ดเวิร์ด ปี ค.ศ.1982
วิชาเอกพฤติกรรมศาสตร์
การทดลองของสกินเนอร์
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำ มีชื่อเรียกต่างๆ คือ
-Operant Conditioning theory
-Instrumental Conditioning theory
-Type-R.
Conditioning
สกินเนอร์
มีความคิดว่าทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคนั้น จำกัดอยู่กับพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนน้อยของมนุษย์ พฤติกรรมส่วนใหญ่แล้วมนุษย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเอง ไม่ใช่เกิดจากการจับคู่ระหว่างสิ่งเร้าใหม่กับสิ่งเร้าเก่า
สกินเนอร์ ได้เสนอความคิดโดยจำแนกทฤษฎีทางพฤติกรรมออกเป็น 2
ประเภท คือ
1. พฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้แบบ Type S
-มีสิ่งเร้าเป็นตัวกำหนดหรือดึงออกมา
2. พฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้แบบ Type
R
-พฤติกรรมหรือการตอบสนองขึ้นอยู่กับการเสริมแรง
พฤติกรรมมีองค์ประกอบ 3
อย่าง คือ
สิ่งที่ก่อเกิดขึ้นก่อน>พฤติกรรม>ผลที่ได้รับ
A > B > C
Skinner ได้สร้างกล่องขึ้นมา มีชื่อเรียกว่า Skinner
Box กล่องนี่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีคานหรือลิ้นบังคับให้อาหารตกลงมาในจาน เหนือคานจะมีหลอดไฟติดอยู่ เมื่อกดคานไฟจะสว่างและอาหารจะหล่นลงมา Skinner
Box นำนกไปใส่ไว้ในกล่อง และโดยบังเอิญนกเคลื่อนไหวไปถูกคานอาหารก็หล่นลงมา
การเสริมแรง(Reinforcement)คือ การทำให้ผู้ทำพฤติกรรมเกิดความพึงพอใจเมื่อทำพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งแล้ว เพื่อให้ทำพฤติกรรมนั้นซ้ำๆ
การเสริมแรงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.การเสริมแรงทางบวก(Positive
Reinforcement )
2.การเสริมแรงทางลบ(Negative
Reinforcement)
การเสริมแรงแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
1.การเสริมแรงอย่างต่อเนื่อง(Continuous
Reinforcement)
2.การเสริมแรงเป็นครั้งคราว(IntermittentReinforcement)
การกำหนดการเสริมแรงตามเวลา(Iinterval
schedule)
1.กำหนดเวลาที่แน่นอน(Fixed
Interval Schedules )
2.กำหนดเวลาที่ไม่แน่นอน(Variable
Interval Schedules )
กำหนดการเสริมแรงโดยใช้อัตรา(Ratio
schedule)
1.กำหนดอัตราที่แน่นอน(Fixed
Ratio Schedules )
2.กำหนดอัตราที่ไม่แน่นอน(Variable
Ratio Schedules )
ตารางการเสริมแรง
|
ลักษณะ
|
ตัวอย่าง
|
การเสริมแรงทุกครั้ง
(Continuous)
|
เป็นการเสริมแรงทุกครั้งที่
แสดงพฤติกรรม |
ทุกครั้งที่เปิดโทรทัศน์แล้ว
เห็นภาพ |
การเสริมแรงความช่วงเวลาที่
แน่นอน (Fixed - Interval) |
ให้การเสริมแรงตามช่วงเวลาที่
กำหนด |
ทุก ๆ สัปดาห์ผู้สอนจะทำ
การทดสอบ |
การเสริมแรงตามช่วงเวลาที่
ไม่แน่นอน (Variable - Interval) |
ให้การเสริมแรงตามระยะเวลา
ที่ไม่แน่นอน |
ผู้สอนสุ่มทดสอบตามช่วงเวลา
ที่ต้องการ |
การเสริมแรงตามจำนวนครั้ง
ของการตอบสนองที่แน่นอน (Fixed - Ratio) |
ให้การเสริมแรงโดยดูจาก
จำนวนครั้งของการตอบสนอง ที่ถูกต้องด้วยอัตราที่แน่นอน |
การจ่ายค่าแรงตามจำนวน
ครั้งที่ขายของได้ |
การเสริมแรงตามจำนวนครั้ง
ของการตอบสนองที่ไม่แน่นอน (Variable - Ratio) |
ให้การเสริมแรงตามจำนวนครั้ง
ของการตอบสนองแบบไม่แน่นอน |
การได้รับรางวัลจากเครื่อง
เล่นสล๊อตมาชีน |
การลงโทษ คือ การทำให้อัตราการตอบสนองหรือความถี่ของพฤติกรรมลดลง การลงโทษมี 2 ทางได้แก่
1.การลงโทษทางบวก(Positive
Punishment)
2.การลงโทษทางลบ(Negative
Punishment)
ตารางเปรียบเทียบการเสริมแรงและการลงโทษ ได้ดังนี้
พฤติกรรม
|
การเสริมแรง
|
เพิ่มพฤติกรรม ก่อให้เกิดการกระทำ พฤติกรรมนั้นบ่อยขึ้น
|
พฤติกรรม
|
การลงโทษ
|
ลดพฤติกรรม ก่อให้เกิดการกระทำ พฤติกรรมนั้นน้อยลง
|
การนำทฤษฎีการเรียนรู้ของ สกินเนอร์ ไปใช้ในการจัดการศึกษาปฐมวัย
1. การใช้เสริมแรง
2. การปลูกฝังพฤติกรรมบางอย่างและการลดพฤติกรรมบางอย่าง
3. บทเรียนแบบโปรแกรม และเครื่องช่วยสอน
สรุปแนวคิดที่สำคัญของ สกินเนอร์ Skinner
“สกินเนอร์” ได้กล่าวไว้ว่า “
การเสริมแรงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้บุคลแสดงพฤติกรรมซ้ำ และพฤติกรรมของบุคคลส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมแบบเรียนรู้ปฏิบัติและพยายามเน้นว่า การตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆของบุคคล สิ่งเร้านั้นจะต้องมีสิ่งเสริมแรงอยู่ในตัว หากลดสิ่งเสริมแรงลงเมื่อใด การตอบสนองจะลดลงเมื่อนั้น ’’
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น